เมื่อพูดถึงวัสดุในวงการอุตสาหกรรม สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือความยืดหยุ่นและความทนทาน ไวนิล (Vinyl) นับได้ว่าเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับงานก่อสร้าง อุปกรณ์ และแม้แต่ผลิตภัณฑ์แฟชั่น
ไวนิลเป็นพอลิเมอร์สังเคราะห์ที่ผลิตจากโมโนเมอร์ของไวนิลคลอไรด์ (vinyl chloride) ผ่านกระบวนการโพลีมอร์ไรเซชัน โดยมีสูตรทางเคมีคือ (C₂H₃Cl)n หลังจากผ่านกระบวนการนี้ ไวนิลจะถูกแปรรูปและขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วยเทคนิคที่หลากหลาย เช่น การอัดขึ้นรูป การรีด และการฉีดพลาสติก
คุณสมบัติเด่นของไวนิล
ไวนิลได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นมากมาย
-
ความทนทาน: ไวนิลมีความแข็งแรงและทนทานต่อการขีดข่วน โรย อีกทั้งยังทนต่อสารเคมีบางชนิดได้ดีอีกด้วย
-
ความยืดหยุ่น: ไวนิลสามารถโค้งงอและขึ้นรูปได้ง่าย ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่น
-
กันน้ำและความชื้น: ไวนิลมีคุณสมบัติกันน้ำและความชื้นได้อย่างดี จึงนิยมใช้ในการผลิตวัสดุกันซึม เช่น กระเบื้องหลังคา และท่อ
-
ทนต่อรังสี UV: ไวนิลสามารถทนต่อรังสี UV ได้ค่อนข้างดี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง
-
ราคาไม่แพง: ไวนิลมีราคาที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน
การใช้งานไวนิลในอุตสาหกรรมต่างๆ
ไวนิลนั้นเป็นวัสดุอเนกประสงค์ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ในอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนี้
อุตสาหกรรม | ผลิตภัณฑ์จากไวนิล |
---|---|
ก่อสร้าง | หน้าต่าง PVC, ท่อน้ำ, กระเบื้องหลังคา, ฉนวนกันความร้อน |
อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ | ฟิล์มหุ้มอาหาร, ถุงพลาสติก, กล่องโฟม |
อุตสาหกรรมยานยนต์ | เบาะรถยนต์, พวงมาลัย, แผงประตู |
อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ | โต๊ะ เก้าอี้ และชั้นวางของ |
นอกจากนี้ ไวนิลยังถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การผลิตเสื้อผ้า วัสดุสำหรับการโฆษณา และแม้กระทั่งแผ่นเสียง
กระบวนการผลิตไวนิล
การผลิตไวนิลนั้นเริ่มต้นด้วยการสร้างโมโนเมอร์ของไวนิลคลอไรด์ (vinyl chloride) จาก ethane หรือ ethylene
จากนั้นโมโนเมอร์จะถูกนำมาผ่านกระบวนการโพลีมอร์ไรเซชัน ซึ่งโมโนเมอร์จะเชื่อมโยงกันเป็นห่วงโซ่ยาวๆ ที่เรียกว่าพอลิเมอร์
หลังจากนั้น ไวนิลที่ได้จะถูกแปรรูปและขึ้นรูปด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การอัดขึ้นรูป การรีด และการฉีดพลาสติก
ไวนิลเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและแข็งแรง มีราคาไม่แพง และสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงการอุตสาหกรรม